เอกสาร เรียนปริญญาโท มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

บทที่ 1
ส่วนประกอบของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เป็นรูปเล่มสมบูรณ์ (ปกแข็งสีแดงเลือดหมู) มีส่วนประกอบที่สาคัญ 5 ส่วน คือ
1. ส่วนนา (Front Matter)
2. เนื้อเรื่อง (Text)
3. บรรณานุกรม (Bibliography) หรือเอกสารอ้างอิง (References)
4. ภาคผนวก (Appendix)
5. ประวัติผู้เขียน (Vitae)
1. ส่วนนา
ส่วนนาของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ประกอบด้วยส่วนย่อยเรียงตามลาดับ คือ ปกนอก ใบรองปก ปกใน หน้าอนุมัติ หนังสือรับรอง บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ ตัวย่อและสัญลักษณ์ ดังรายละเอียดในแต่ละส่วน ดังนี้
1. ปกนอก (COVER) เป็นปกแข็งสีแดงเลือดหมูตามขนาดกระดาษ A4 พิมพ์ข้อความต่าง ๆ ด้วยตัวพิมพ์สีทอง ปกนอกประกอบด้วย 3 ส่วน คือ หน้าปกนอก สันปก และปกด้านหลัง
1.1 หน้าปกนอก ประกอบด้วย 6 ส่วน ดังรายละเอียดจากบนลงล่าง ดังนี้
1.1.1 ตรามหาวิทยาลัยหาดใหญ่ วางห่างจากขอบกระดาษด้านบน 1 นิ้ว
1.1.2 ชื่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ วางถัดจากตรามหาวิทยาลัย ในกรณีที่ชื่อเรื่องยาวให้จัดเป็น 2–3 บรรทัด โดยจัดวางแบบปิรามิดหัวกลับ
1.1.3 ชื่อผู้เขียน มีเฉพาะชื่อและนามสกุล ยกเว้น หากมียศ ฐานันดรศักดิ์ ราชทินนาม และสมณศักดิ์ให้ใส่ไว้ด้วย
1.1.4 (ข้อความ) ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ของการศึกษาระดับปริญญา สาขาวิชา และแผนการศึกษาแบบใด
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
2
ก. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาเอก แบบ 2) ให้ใช้คาว่า
ปริญญานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
ข. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาโท แผน ก แบบ ก 2) ให้ใช้คาว่า
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
ค. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาโท แผน ข) ให้ใช้คาว่า
สารนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Minor Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
1.1.5 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
1.1.6 ปี พ.ศ. ที่อนุมัติปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ เขียนเฉพาะตัวเลข (ในกรณีที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษใช้ปี ค.ศ.)
หมายเหตุ การใช้ภาษาในการพิมพ์หน้าปกนอก มีเงื่อนไข ดังนี้
ก. ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เขียนเป็นภาษาไทย หน้าปกจะมี 2 ภาษา ในแต่ละส่วนทั้ง 4 ส่วน (ข้อ 1.1.2 – 1.1.5) โดยให้ภาษาไทยอยู่ตอนบนและภาษาอังกฤษอยู่ตอนล่าง
ข. ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หน้าปกจะมีภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียว
ค. ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เขียนเป็นภาษาต่างประเทศนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ (ซึ่งได้รับการพิจารณาจากบัณฑิตวิทยาลัยในแต่ละกรณี) หน้าปกจะมี 2 ภาษา ในแต่ละส่วนทั้ง 4 ส่วน (ข้อ 1.1.2 – 1.1.5) โดยให้ภาษาไทยอยู่ตอนบนและภาษาอังกฤษอยู่ตอนล่าง
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
3
1.2 สันปก ระบุชื่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ชื่อผู้เขียน และปีที่อนุมัติปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ โดยข้อความเหล่านั้นวางตามยาวของสันปก ในกรณีที่ชื่อเรื่องยาวให้จัดเป็น 2–3 บรรทัดโดยจัดวางแบบปิรามิด หัวกลับ (ใช้ภาษาที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์)
1.3 ปกด้านหลัง ต้องไม่มีข้อความใด ๆ
2. ปกใน (TITLE PAGE) พิมพ์ข้อความเหมือนกับหน้าปกนอก แต่ให้เพิ่ม ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (Copyright of Hatyai University) ประกอบด้วย 7 ส่วน ดังรายละเอียดจากบนลงล่าง ดังนี้
2.1 ตรามหาวิทยาลัยหาดใหญ่ วางห่างจากขอบกระดาษด้านบน 1 นิ้ว
2.2 ชื่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ วางถัดจากตรามหาวิทยาลัย ในกรณีที่ชื่อเรื่องยาวให้จัดเป็น 2–3 บรรทัด โดยจัดวางแบบปิรามิดหัวกลับ
2.3 ชื่อผู้เขียน มีเฉพาะชื่อและนามสกุล ยกเว้น หากมียศ ฐานันดรศักดิ์ ราชทินนาม และสมณศักดิ์ให้ใส่ไว้ด้วย
2.4 (ข้อความ) ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ของการศึกษาระดับปริญญา สาขาวิชา และแผนการศึกษาแบบใด
ก. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาเอก แบบ 2) ให้ใช้คาว่า
ปริญญานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
ข. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาโท แผน ก แบบ ก 2) ให้ใช้คาว่า
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
4
ค. กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาโท แผน ข) ให้ใช้คาว่า
สารนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา..........................................
สาขาวิชา.......................................
A Minor Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for
the ……………………………….. Degree in ………………………………………………
2.5 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
2.6 ปี พ.ศ. ที่อนุมัติปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ เขียนเฉพาะตัวเลข (ในกรณีที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษใช้ปี ค.ศ.)
2.7 ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ วางห่างจากขอบกระดาษล่าง 1 นิ้ว
3. หน้าอนุมัติ (APPROVAL PAGE) ใช้ภาษาเดียวกันกับภาษาที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ตามลาดับ ดังนี้
3.1 ชื่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ (Thesis Title)
3.2 ชื่อผู้เขียน (Author) พร้อมคานาหน้า หากมียศ ฐานันดรศักดิ์ ราชทินนาม สมณศักดิ์ ให้ใส่ไว้ด้วย
3.3 สาขาวิชา (Major Program)
3.4 อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์หลัก (Major advisor) อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ร่วม (Co-advisor) (ด้านซ้ายบรรทัดถัดจากคณะกรรมการสอบ) มีลายมือชื่อและรายนามของอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์หลัก และอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ร่วม (ถ้ามี)
3.5 คณะกรรมการสอบ (Examining Committee) (ด้านขวาบรรทัดเดียวกับคณะกรรมการที่ปรึกษา) มีลายมือชื่อและรายนามของคณะกรรมการสอบปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการ โดยเรียงลงมาตามลาดับ (ดูตัวอย่างหน้า 37-38)
3.6 ข้อความ
3.6.1 กรณีหลักสูตรที่ต้องศึกษารายวิชา (ปริญญาโท แผน ก แบบ ก 2 และปริญญาเอก แบบ 2) ให้ใช้คาว่า
คณะ.................... (ระบุคณะที่ศึกษา). มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ อนุมัติให้นับ.................... (ระบุปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์) นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรปริญญา...................... (ระบุชื่อปริญญาและสาขาวิชา)
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
5
3.7 ลายมือชื่อและชื่อคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย
หมายเหตุ ข้อ 4.4, 4.5 และ 4.7 ต้องระบุชื่อพร้อมตาแหน่งทางวิชาการ หากมียศ ฐานันดรศักดิ์ ราชทินนาม สมณศักดิ์ ให้ใส่ไว้ด้วย
หมายเหตุ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่จัดทาเป็นภาษาไทยใส่เฉพาะข้อความภาษาไทย ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่จัดทาเป็นภาษาอังกฤษใส่เฉพาะข้อความภาษาอังกฤษ
4. บทคัดย่อ (ABSTRACT) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
4.1 ข้อมูลปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ประกอบด้วยหัวข้อ เรียงตามลาดับ ดังนี้
ชื่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ (Thesis Title)
ผู้เขียน (Author)
สาขาวิชา (Major Program)
ปีการศึกษา (Academic Year)
4.2 เนื้อหาบทคัดย่อปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ คือการสรุปเนื้อหาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่กระชับ ชัดเจน ครอบคลุมปัญหา วัตถุประสงค์ ขอบเขตการวิจัย วิธีการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือ อุปกรณ์ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา และผลการวิจัยโดยสังเขป
ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ให้มีบทคัดย่อทั้ง 2 ภาษา
ในกรณีที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์เป็นภาษาอื่น นอกเหนือจาก 2 ภาษาดังกล่าวข้างต้น ให้มีบทคัดย่อทั้งภาษาที่เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
5. กิตติกรรมประกาศ (ACKNOWLEDGEMENTS)
เป็นข้อความกล่าวขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือและให้ความร่วมมือในการทาปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ให้พิมพ์คาว่า กิตติกรรมประกาศ ไว้กลางหน้ากระดาษไม่ควรเกิน 1 หน้ากระดาษและให้พิมพ์ชื่อผู้เขียนไว้ท้ายข้อความด้วย มีเฉพาะชื่อและนามสกุล ยกเว้น หากมียศ ฐานันดรศักดิ์ ราชทินนาม และสมณศักดิ์ ให้ใส่ไว้ด้วย
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
6
6. สารบัญ (CONTENTS)
เป็นรายการของส่วนประกอบสาคัญทั้งหมดของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ นับตั้งแต่สารบัญถึงหน้าสุดท้าย โดยมีเลขหน้ากากับแต่ละส่วนที่เรียงตามลาดับของเนื้อหาในเล่มปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ โดยพิมพ์คาว่า สารบัญ ไว้กลางหน้ากระดาษ หากไม่สามารถพิมพ์จบในหน้าเดียวให้ขึ้นหน้าใหม่และพิมพ์คาว่า สารบัญ (ต่อ)
7. สารบัญตาราง (LIST OF TABLES) (ถ้ามี)
เป็นรายการที่ระบุชื่อและตาแหน่งหน้าของตารางทั้งหมดในปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ รวมทั้งตารางในภาคผนวกด้วย โดยพิมพ์คาว่า “สารบัญตาราง” หรือ “LIST OF TABLES” กลางหน้ากระดาษ หากไม่สามารถพิมพ์จบในหน้าเดียวให้ขึ้นหน้าใหม่และพิมพ์คาว่า “สารบัญตาราง (ต่อ) หรือ “LIST OF TABLES (Cont.)” โดยใช้ภาษาเดียวกันกับภาษาที่ใช้เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
8. สารบัญภาพ (LIST OF FIGURES) (ถ้ามี)
เป็นรายการที่ระบุชื่อและตาแหน่งหน้าของภาพทั้งหมดในปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ เช่น ภาพถ่าย แผนภูมิ แผนที่ กราฟ แผนผัง ฯลฯ โดยพิมพ์คาว่า “สารบัญภาพ” หรือ “LIST OF FIGURES” กลางหน้ากระดาษ หากไม่สามารถพิมพ์จบหน้าเดียวให้ขึ้นหน้าใหม่และพิมพ์ว่า “สารบัญภาพ (ต่อ)” หรือ “LIST OF FIGURES (Cont.)” โดยใช้ภาษาเดียวกันกับภาษาที่ใช้เขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
9. ตัวย่อและสัญลักษณ์ (ABBREVIATIONS AND SYMBOLS) (ถ้ามี)
เป็นส่วนที่อธิบายความหมายของสัญลักษณ์ คาย่อ และอักษรย่อที่ปรากฏในปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ยกเว้นสัญลักษณ์ คาย่อ และอักษรย่อที่รู้จักกันโดยทั่วไป แต่ละสัญลักษณ์ คาย่อ และอักษรย่อต้องมีความหมายเดียวกันตลอดทั้งเล่ม
หมายเหตุ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ที่เขียนเป็นภาษาต่างประเทศนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ (ซึ่งได้รับการพิจารณาจากบัณฑิตวิทยาลัยในแต่ละกรณี) ในส่วนนาทั้ง 11 ข้อข้างต้นและหน้าสุดท้ายหรือประวัติผู้เขียน ให้ใช้ภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียว)
ปกนอก หน้าอนุมัติ บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ ประวัติผู้เขียน
ให้ใช้แม่แบบ (TEMPLATE) ของบัณฑิตวิทยาลัย
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
7
2. เนื้อเรื่อง (TEXT)
เนื้อเรื่องของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์อย่างน้อยแบ่งออกเป็น 5 บท โดยรายละเอียดในแต่ละบทพิจารณาตามความเหมาะสมของลักษณะเนื้อหาและแบบแผนของวิธีการวิจัย ในส่วนของสานักงานบัณฑิตวิทยาลัย ประกอบด้วยส่วนสาคัญต่างๆ ดังนี้
บทที่ 1 บทนา (INTRODUCTION) เป็นบทแรกของปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ ดังนี้
1.1 ความเป็นมาของปัญหา (STATEMENT OF THE PROBLEM)
เป็นการกล่าวถึงเหตุผลในการทาวิจัยเรื่องนี้ ปัญหาการวิจัย เหตุผลในการเลือกพื้นที่
1.2 คาถามวิจัย (RESEARCH QUESTIONS)
คาถามวิจัย คือ ข้อความที่เป็นประโยคคาถามซึ่งแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการค้นคว้าหาคาตอบ ทั้งนี้คาถามการวิจัยควรเป็นคาถามที่ยังไม่มีคาตอบ หรือไม่สามารถหาคาตอบได้จากตารา หรือความรู้เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว
1.3 วัตถุประสงค์ (OBJECTIVES)
เป็นส่วนที่ระบุวัตถุประสงค์ของการวิจัยอย่างชัดเจนว่าต้องการศึกษาอะไร ในกรณีที่มีวัตถุประสงค์หลายอย่าง ควรแยกเป็นข้อๆ เรียงตามลาดับความสาคัญ
1.4 สมมติฐาน (HYPOTHESES) (ถ้ามี)
ส่วนนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม สมมติฐานการวิจัยเป็นการคาดคะเนคาตอบของการวิจัย เพื่อเป็นแนวทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล การเลือกตั้งสมมติฐานแบบใดขึ้นกับการประมวลความรู้จากทฤษฏีและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.5 ประโยชน์ของการวิจัย (SIGNIFICANCE OF THE STUDY)
เป็นส่วนที่ผู้วิจัยคาดหวังว่าผลงานวิจัยนั้นมีความสาคัญและเป็นประโยชน์ต่อสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องและสังคมอย่างไรบ้าง
1.6 ขอบเขตของการวิจัย (SCOPE OF THE STUDY)
เป็นการกาหนดกรอบของปัญหาการวิจัยให้ชัดเจน โดยระบุขอบเขตความครอบคลุมถึงเรื่องใด ที่ไหน และเวลาใดบ้าง เป็นต้น
1.7 ข้อตกลงเบื้องต้น (ASSUMPTIONS) (ถ้ามี)
ในบางกรณีผู้วิจัยอาจมีเหตุผลที่จะนาเสนอข้อตกลงเบื้องต้นประกอบในตอนนี้ เปรียบเหมือนกติกา ที่ต้องยอมรับในเบื้องต้นของการดาเนินการวิจัย
1.8 นิยามศัพท์เฉพาะ (DEFINITION OF KEY TERMS)
หมายถึงการกาหนดความหมายคาบางคาที่ใช้เพื่อการวิจัยครั้งนั้น โดยเฉพาะตัวแปรต่างๆ ที่ศึกษาต้องให้นิยามเชิงปฏิบัติการ (OPERATIONAL DEFINITION)
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
8
บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฏี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เป็นแนวคิด ทฤษฏีที่ใช้ในการวิจัย และการทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวคิด และผลงานวิจัยที่มีผู้ทามาแล้ว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องและสาคัญต่องานวิจัยที่กาลังศึกษาโดยเรียบเรียงเป็นภาษาเขียนที่ได้ใจความชัดเจน เนื้อหาถูกต้องตรงกับเอกสารต้นฉบับ
2.1 แนวคิด ทฤษฏี
ระบุแนวคิด และเจ้าของแนวคิด ทฤษฎี ที่นามาใช้ในการวิจัย
2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะทาวิจัย โดยทบทวนตามตัวแปรที่ศึกษาหรือแนวคิดที่นามาใช้
2.3 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย
ระบุว่าจะใช้แนวคิดใดมาวิเคราะห์ปรากฏการณ์อย่างไร
บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย (METHODOLOGY)
เป็นส่วนที่ระบุวิธีดาเนินการวิจัยตามแบบแผนและวิธีการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับในแต่ละสาขาอย่างละเอียดชัดเจน โดยครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังนี้
วิจัยเชิงปริมาณ
3.1 พื้นที่ที่ใช้ในการวิจัย
3.2 ประชากร การกาหนดขนาดตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง วิธีการสุ่มตัวอย่าง
3.3 เครื่องมือในการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล วิธีการทางสถิติต่างๆ ที่ใช้
วิจัยเชิงคุณภาพ
3.6 พื้นที่ที่ใช้ในการวิจัย
3.7 ผู้ให้ข้อมูล
3.8 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3.9 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.10 การวิเคราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวิจัย (RESULTS)
ส่วนนี้เป็นการเสนอผลการวิจัยหรือผลการวิเคราะห์ข้อมูล การแปลความผลที่ได้จากการวิเคราะห์ การเสนอผลการวิจัยควรเสนอตามลาดับของวัตถุประสงค์ และ/หรือสมมติฐาน (ถ้ามีโดยแสดงผลการทดสอบสมมติฐานด้วย) สามารถเขียนผลการวิจัยได้หลายบท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และหากผลการวิจัยมีภาพประกอบหรือตารางให้ใส่ภาพประกอบหรือตารางโดยเชื่อมโยงกับการบรรยาย ดังนี้
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
9
1. ตัวอย่างการอธิบายเนื้อหาเชื่อมโยงกับภาพประกอบ มีรูปแบบการพิมพ์ดังนี้
1.1 ภาพที่ผู้วิจัยถ่ายด้วยตนเอง มีวิธีการพิมพ์ดังนี้
 วางรูปภาพ ตรงกลางหน้ากระดาษ
 พิมพ์ชื่อภาพใต้รูปภาพ
 บอกที่มาว่าถ่ายโดยใคร เมื่อวันที่เท่าไร
ภาพที่ 1 พิธีกรรมวันปีใหม่ของชาวกะเหรี่ยง
ที่มา : ถ่ายโดยผู้วิจัยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2555
ชุมชนกะเหรี่ยงซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่แม่สอด และเป็นแรงงานข้ามชาติ เมื่อถึงวันปีใหม่จะเดินทางข้ามแดนกลับไปยังเมืองเมียวดีที่พม่า เพื่อร่วมกิจกรรมวันปีใหม่ มีการผูกข้อมือ (ภาพที่ 1)
1.2 ภาพที่ผู้วิจัยไปคัดลอกจากต้นฉบับ มีวิธีการพิมพ์ดังนี้
 วางรูปภาพ ตรงกลางหน้ากระดาษ
 พิมพ์ชื่อภาพใต้รูปภาพ
 บอกที่มาว่าคัดลอกจากใคร และระบุปี พ.ศ. หน้า
ยองจิอูเป็นหน่วยงานหนึ่งก่อตั้งโดยนักศึกษาชาวพม่า ที่ให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติชาวพม่า เมื่อเดินทางข้ามแดนมาไม่มีที่พักพิงจะให้พักใน safe house และฝึกทักษะการเย็บจักรให้ (ภาพที่ 2)
ภาพที่ 2 การฝึกทักษะการเย็บจักรให้แรงงานข้ามชาติของยองจิอู
ที่มา : เก็ตถวา บุญปราการ เบญจพร ดีขุนทด และเจตน์สฤษฎิ์ สังขพันธ์, 2555, น. 135
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
10
2. ตัวอย่างการพิมพ์เนื้อหากับตาราง
การพิมพ์เนื้อหากับตารางมี 2 รูปแบบดังนี้
2.1 การอธิบายเนื้อหาใต้ตาราง มีวิธีการพิมพ์ดังนี้
ความรู้หรือภูมิปัญญาชาวบ้านในการทาประมงจะใช้วิธีการสังเกตฤดูกาลและเครื่องมือที่เหมาะสมในการจับปลาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา โดยสามารถเขียนออกมาเป็นปฏิทินในการวางเครื่องมือประมงแต่ละชนิดให้สัมพันธ์กับฤดูกาลจับสัตว์น้าดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างฤดูกาลกับเครื่องมือประมงที่ใช้โดยอาศัยความรู้และภูมิปัญญา
ในการทาประมงที่สั่งสมประสบการณ์
ที่
ชนิดเครื่องมือ
ฤดูกาลจับสัตว์น้า
มค.
กพ.
มีค.
เมย.
พค.
มิย.
กค
สค.
กย.
ตค.
พย.
ธค.
1
ไซตู้
-
//
//
///
///
///
///
///
///
///
-
-
2
ไซกุ้งก้ามกราม
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
///
///
3
มหราปลาขี้ตัง
-
-
/
/
/
/
/
/
/
/
/
-
4
เบ็ดราวปลากดหัวโม่ง
ปลาดุกทะเล ปากด
/
/
//
//
//
//
//
//
//
//
//
/
5
เบ็ดราวปลากระเบน
-
-
/
/
/
/
-
-
-
/
/
-
6
อวนลอยปลาท่องเที่ยว
-
-
-
//
//
///
///
///
///
///
///
-
7
อวนลอยปลากด
ปลาดุกทะเล
ปลาคางโคะ
/
/
//
///
///
///
///
///
///
///
///
//
8
อวนลอยกุ้ง
/
/
/
//
//
//
//
//
//
//
//
/
9
แห
-
/
/
-
-
/
/
/
/
/
-
/
10
ไซปลาขี้ตัง
-
-
/
//
//
//
//
//
//
//
//
-
หมายเหตุ / ฤดูกาลที่ใช้เครื่องมือประมงจานวนน้อย
// ฤดูกาลที่ใช้เครื่องมือประมงจานวนปานกลาง
/// ฤดูกาลที่ใช้เครื่องมือประมงจานวนมาก
จากตารางที่ 1 พบว่า ชาวประมงส่วนใหญ่จะวางอวนลอยควบคู่ไปกับการวางไซตู้ การวางอวนลอยจะทาในตอนบ่ายตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป หลังจากนั้นจะมาจุดตะเกียงที่ไซตู้ และจะมากู้อวนและยกไซตู้ในเวลา 05.00 น. – 09.00 น. ส่วนการวางมหราปลาขี้ตังกับการใช้เบ็ดราวจะมีการทากันน้อยมาก เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ที่ยุ่งยากกว่า ขณะที่ปริมาณสัตว์น้าที่ได้รับไม่แตกต่างกันมากนักเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือชนิดอื่น ส่วนการยกไซปลานั้นจะทา 2 วันต่อครั้ง ในกลุ่มชาวประมงที่มีการทอดแหจะทากันริมชายฝั่งในระหว่างเวลา 06.00-09.00 น. ส่วนไซกุ้งก้ามกรามจะทากันในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
11
2.2 การอธิบายเนื้อหาก่อนตาราง มีวิธีการพิมพ์ดังนี้
ชาวประมงที่เลี้ยงปลาในกระชังส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักเป็นชาวประมงพื้นบ้านออกเรือหาปลา จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 67.7 รองลงมาประกอบอาชีพหลักรับราชการ จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 16.1 ทาสวน จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 12.9 และค้าขาย จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2 ตามลาดับ การที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังส่วนใหญ่จะมีอาชีพหลักอยู่แล้ว แต่จะนาเงินมาลงทุนเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อเป็นอาชีพเสริม ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการส่งเสริมจากหน่วยงานของรัฐที่เข้ามาส่งเสริมให้รวมกลุ่มกันโดยการใช้เงิน SME จานวน 2 แสนบาทให้กับทุกชุมชน บางชุมชนจะนามาเลี้ยงปลาในกระชัง บางชุมชนจะใช้เงินไปพัฒนาอย่างอื่น ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 จานวน และร้อยละอาชีพหลักของชาวประมงที่เลี้ยงปลาในกระชังในทะเลสาบสงขลา
อาชีพหลัก จานวน ร้อยละ ประมงพื้นบ้าน 21 67.7 ทาสวน 4 12.9 ค้าขาย 1 3.2 รับราชการ 5 16.1 รวม 31 100.0
3. ตัวอย่างการพิมพ์เนื้อหาที่ได้จากการสัมภาษณ์
ร้านค้าในตลาดพาเจริญนายจ้างส่วนใหญ่จะรับเฉพาะลูกจ้างขายของหน้าร้านเช้าไปเย็นกลับซึ่งจะต้องอาศัยการเช่าบ้าน หรือเช่าหอพักอยู่หรือบางคนสามีเป็นช่างก่อสร้างตนเองก็ช่วยสามีหารายได้โดยการเป็นลูกจ้างในร้านค้า และพักบริเวณที่บ้านพักของคนงานที่มีการก่อสร้าง คนกลุ่มนี้จะเป็นแรงงานข้ามชาติที่รัฐเรียกว่าแรงงานหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย แรงงานกลุ่มหลังนี้มีจานวนมาก ตัวเลขไม่ชัดเจน และเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถเก็บเงินได้ เนื่องจากได้ค่าจ้างน้อย เพียงค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นค่าอาหารกินไปวัน ๆ และค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หมดแล้ว ถึงแม้จะมีความต้องการเก็บเงินเป็นค่าทาพาสปอร์ตและค่าเดินทางกลับบ้านยังเก็บไม่ได้เพราะการเดินทางกลับบ้านต้องมีค่ารถ ค่าเรือ ค่ากินซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ดังคาสัมภาษณ์ของทะนา ดังนี้
“...คนเขาบอกว่า ผมเป็นแรงงานผิดกฎหมาย...กว่าจะทาให้ถูกกฎหมายก็ต้องใช้เงิน ใช้เวลาพิสูจน์สัญชาติ...อยากเก็บเงินส่งไปที่บ้าน...แค่ซื้อกับข้าวกินก็ไม่พอแล้ว ได้เงินค่าแรงน้อย...วันหนึ่งซื้อขนมซื้อบุหรี่สูบก็หมดแล้ว ...อยากกลับบ้านแต่กลับไม่ได้
คู่มือการเขียน/พิมพ์ ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ปี2557
สานักงานบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ (20 กันยายน 2557)
12
...ไม่มีเงินกลับ...กลัวว่ากลับไปแล้วจะมาไม่ได้...” (ทะนา, สัมภาษณ์วันที่ 8 มีนาคม 2555)
จากคาให้สัมภาษณ์สะท้อนให้เห็นว่า แรงงานข้ามชาติได้ค่าแรงต่า รายจ่ายไม่เพียงพอกับรายได้ จึงไม่สามารถเก็บเงินเพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านได้ต้องรอจนกว่าจะสะสมเงินเพียงพอค่าเดินทางจึงจะกลับได้
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ประกอบด้วยเนื้อหาส่วนต่างๆ ดังนี้
5.1 สรุปผลการวิจัย (CONCLUSION)
สรุปจากส่วนเนื้อหาในปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ทั้งหมด โดยครอบคลุมวัตถุประสงค์ สมมติฐาน (ถ้ามี) วิธีดาเนินการวิจัยและผลการวิจัยโดยสรุป
5.2 อภิปรายผลการวิจัย (DISCUSSION)
กล่าวถึงข้อค้นพบของการวิจัย โดยนามาวิเคระห์ความสอดคล้องหรือขัดแย้งกับทฤษฏีและผลการวิจัยที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้ นาแนวคิดทฤษฏีและผลการวิจัยมาสนับสนุน
5.3 ข้อเสนอแนะ (SUGGESTIONS)
กล่าวถึงการนาผลการวิจัยไปใช้ในลักษณะต่างๆ และเสนอแนะแนวทางการวิจัยที่ควรทาต่อไป
5.3.1 ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
เป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย หรือนาไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา
5.3.2 ข้อเสนอในการวิจัยครั้งต่อไป
เป็นการเสนอแนะให้ผู้วิจัยท่านอื่นสามารถนาผลการวิจัยไปต่อยอดในประเด็นที่เชื่อมโยงกับงานวิจัยเล่มนี้
3. บรรณานุกรม (BIBLIOGRAPHY) หรือเอกสารอ้างอิง (REFERENCES)
บรรณานุกรม หมายถึง การรวบรวมรายการเอกสารอ้างอิงที่มากกว่าจานวนที่ถูกอ้างอิงไว้ในการเขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
เอกสารอ้างอิง หมายถึง การรวบรวมรายการเอกสารอ้างอิงทั้งหมดที่ผู้วิจัยได้ใช้อ้างอิงในการเขียนปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์
4. ภาคผนวก (APPENDIX/APPENDICES)
ภาคผนวก เป็นส่วนที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ตารางบันทึกข้อมูล รูปภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เช่น แบบสอบถาม แบบทดสอบ เป็นต้น
การจะมีภาคผนวกหรือไม่ ขึ้นกับความเหมาะสม หากมีให้เริ่มภาคผนวกในหน้าถัดจากบรรณานุกรม โดยมีข้อความว่า ภาคผนวก อยู่ตรงกลางหน้ากระดาษส่วนกลางรายละเอียด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น